
ในยุคของการแข่งขันทางธุรกิจที่ค่อนข้างสูงในปัจจุบันทำให้แต่ละธุรกิจพยายามเป็นอย่างมากในการทำการตลาด ให้สินค้าและบริการได้เป็นที่รู้จัก ต่างก็พากันหากลยุทธ์ต่างๆเพื่อที่จะเอาชนะคู่แข่งและทำให้ธุรกิจนั้นประสบความสำเร็จ ซึ่งบทความนี้จะพูดในเรื่องของกลยุทธ์ทางการตลาดแบบ Word of Mouth(WOM) หรือการบอกต่อปากต่อปาก ซึ่งเป็นการตลาดที่ทรงพลังมาก เพราะนอกจากจะลงทุนน้อยแล้วยังสามารถเป็นการสื่อสารได้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายมากที่สุดอีกด้วย
Word of Mouth(WOM) คืออะไร?
Word-Of-Mouth หรือ WOM คือการบอกต่อแบบปากต่อปาก ซึ่งเป็นการสื่อสารที่เกิดจากการที่ลูกค้าชื่นชอบในตัวสินค้าหรือบริการแล้วนำไปบอกต่อยังบุคคลอื่น ในเชิงธุรกิจการตลาดแบบปากต่อปากถือว่าเป็นการตลาดที่มีความน่าเชื่อถือและมีน้ำหนักเป็นอย่างมากเพราะเป็นการโฆษณาที่เกิดจากประสบการณ์ตรงของผู้บริโภคเองบอกต่อไปยังเพื่อน ครอบครัว หรือกลุ่มคนที่สนใจในสินค้าและบริการนี้อยู่แล้วดังนั้นการบอกต่อแบบปากต่อปากจึงได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด เพราะไปถึงกลุ่มเป้าหมายโดยเฉพาะ แถมยังไม่ต้องลงทุนเท่ากับการใช้สื่อโฆษณาอื่นๆ แต่อย่าลืมว่าการบอกแบบปากต่อปากนั้น นอกจากลูกค้าจะบอกต่อในด้านดีของสินค้าหรือบริการแล้ว การบอกต่อแบบปากต่อปากก็สามารถบอกต่อด้านลบได้อีกด้วยซึ่งก็จะส่งผลเสียเป็นอย่างมากจากพลังของการบอกต่อ และอาจจะรวดเร็วและเข้าถึงง่ายกว่าด้านบวกด้วยซ้ำไป ดังนั้นการใช้การตลาดแบบ Word-of-Mouth หรือแบบปากต่อปากก็ต้องระมัดระวังและวางกลยุทธ์อย่างรอบคอบเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อธุรกิจมากกว่าให้โทษค่ะ

กลยุทธ์ที่จะทำให้เกิด Word of Mouth(WOM)
- คุณภาพของสินค้าและบริการ เป็นปัจจัยหลักที่จะทำให้เกิดการตลาดแบบปากต่อปาก ดังนั้นสินค้าและบริการต้องมีการพัฒนาอยู่เสมอเพื่อให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า
- สร้างสัมพันธภาพที่ดีกับลูกค้า (Customer Relation Management) หรือการทำ CRM เป็นการรักษาลูกค้าเก่าเพื่อให้เกิดการซื้อซ้ำ (Brand Loyalty) ไม่เปลี่ยนใจไปใช้แบรนด์คู่แข่ง ไม่ว่าจะด้วยการให้ส่วนลด ให้ของขวัญพิเศษกับลูกค้ารายเก่า เป็นต้น
- สร้างความพึงพอใจแก่ลูกค้า (Customer Satisfaction) ลูกค้าจะต้องถูกใจในสินค้าและบริการว่าสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าตามที่คาดหวังได้