
การคำนวณปีอธิกสุรทิน
จากที่เคยได้พูดถึงความหมายของ ปีอธิกสุรทิน ว่าหมายถึงอะไรนั้นบทความนี้จะมีหลักการคำนวณปี อธิกสุรทิน ว่ามีหลักการคำนวณอย่างไรซึ่งจะเป็นไปตามรอบทุกๆสี่ปี หรือปีหนึ่งมี 365.25 วัน แต่ว่าในความเป็นจริง แล้ว การโคจรรอบดวงอาทิตย์ในหนึ่งรอบกินเวลา จริงๆ เท่ากับ 365.25636 วันซึ่งทำให้มีความคลาดเคลื่อนไปจากความเป็นจริงเท่ากับ 0.00636 วันต่อปี เนื่องจากโลกใช้เวลาหมุนรอบดวงอาทิตย์ 365 วัน ซึ่งนับเป็น 1 ปี แต่ความจริง ในแต่ละวันโลกใช้เวลาหมุนรอบตัวเองมากกว่า 24 ชั่วโมง คือเพิ่มขึ้นวันละ 15 นาที ดังนั้น ใน 1 ปี จะมีวันเท่ากับ 365 วัน กับอีกเศษหนึ่งส่วนสี่วัน เมื่อถึงรอบ 4 ปี ก็จะรวมกันเป็น 1 วัน ถ้าปีไหนเป็นปีที่เวลาเศษหนึ่งส่วนสี่วันรวมกันครบ 1 วันพอดี วันที่เพิ่มขึ้นจะเอาไปอยู่ในเดือนกุมภาพันธ์ทำให้มี 29 วัน สาเหตุที่มีวันเพิ่มเข้ามาในปีอธิกสุรทินเพื่อทำให้ปีปฏิทินสอดคล้องกับปีดาราศาสตร์หรือปีฤดูกาล เนื่องจากฤดูกาลและปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ไม่ได้นับเป็นจำนวนวันที่ลงตัวได้ในปฏิทินเกรกอเรียน ในปฏิทินสุริยคติไทยในปัจจุบันจะเพิ่มวันในเดือนกุมภาพันธ์ให้มี 29 วัน ในปีที่เป็นปีอธิกสุรทิน จึงทำให้ปีอธิกสุรทินมี 366 วัน ส่วน ปฏิทินฮิจญ์เราะหฺจะกำหนดให้เดือนซุล ฮิจญะหฺ ซึ่งเป็นเดือนสุดท้ายมี 30 วัน จึงทำให้ปีอธิกสุรทินของปฏิทินฮิจญ์เราะหฺมี 355 วัน
หลักการคำนวณปี อธิกสุรทิน
1.การคำนวณปี อธิกสุรทินให้นำปี ค.ศ มาคำนวณ

2. นำปี ค.ศ.มาหารด้วย 4 แล้วลงตัวไหม (เป็นจำนวนเต็ม ไม่มีเศษ)ถ้าหารแล้วเหลือเศษ เช่น ค.ศ. 2019 แสดงว่าไม่ใช่ปีอธิกสุรทิน ถ้าหารลงตัวนำไปคำนวณต่อ

3.หารด้วย 100 ลงตัวไหม ถ้าปี ค.ศ.หาร 4 ลงตัวแล้วหารด้วย 100 ไม่ลงตัวถือว่าเป็น ปีอธิกสุรทิน เช่นปี 2020 แต่ถ้าหาร 100 ลงตัว ให้ตรวจสอบข้อต่อไป

4. หารเลขปีด้วย 400 แล้วลงตัวไหม ถ้าปีนั้นหารด้วย 100 ได้ แต่หารด้วย 400 ไม่ได้ เช่นปี ค.ศ. 1900 แสดงว่า ไม่ใช่ ปีอธิกสุรทิน แต่ถ้าหารได้ทั้งคู่ แสดงว่าเป็นปีอธิกสุรทิน เช่นปี ค.ศ. 2000 หาร 100 ลงตัวแล้วหารด้วย 400 ลงตัวด้วย ดังนั้นจึงเป็นปีอธิกสุรทิน

ตัวอย่างการคำนวณ ปีอธิกสุรทิน
