หลายคนที่ทำการตลาดออนไลน์คงจะเคยเห็นหรือคุ้นเคยเป็นอย่างดีกับค่า CTR แต่สำหรับคนที่เป็นนักการตลาดออนไลน์มือใหม่ หากยังสังสัยอยู่บทความนี้มีความหมายของ CTR คืออะไรมาฝากกันค่ะ
CTR คืออะไร?
CTR ย่อมาจาก Click Through Rate จะเป็นค่าอัตราส่วนระหว่างผู้ที่เห็นโฆษณาของเรากับจำนวนการคลิกเข้าชมโฆษณาของเรา ซึ่งก็จะสามารถใช้เป็นตัววัดคุณภาพของคีย์เวิร์ดและโฆษณาที่ใช้ได้ว่าคีย์เวิร์ดที่เราใช้ มีประสิทธิภาพมากน้อยแค่ไหน เพราะว่าถ้ามีจำนวนคนที่เห็นโฆษณามากเท่าไหร่ก็จะยิ่งมีโอกาสที่คนจะกดคลิกโฆษณาได้มากนั่นเอง ซึ่งค่า CTR ไม่ได้มีตัวเลขตายตัวว่าควรมีค่าเท่าไหร่ที่เรียกว่าเป็นค่าที่ดี เพราะค่า CTR ในธุรกิจที่แตกต่างกันก็มีค่าเฉลี่ยไม่เท่ากัน ดังนั้นหัวใจสำคัญที่ทำให้ค่า CTR สูงหรือต่ำนั่นก็คือคีย์เวิร์ดที่ใช้ รวมไปถึงการวางแผนโฆษณาในแต่ละแคมเปญด้วยเช่นเดียวกัน
สูตรคำนวณ CTR
ยกตัวอย่างเช่นถ้าเรามีการยิงโฆษณาไปมีคนเห็น 3000 ครั้งและมีคนคลิกโฆษณาเรา 100 ครั้ง สามารถคำนวณค่า CTR ได้เป็น (100 / 3000) X 100 = 3.3% นั่นเอง
CTR มีความสำคัญอย่างไร
- CTR บอกเราได้ว่า Keyword ที่เราใช้นั้นมีประสิทธิภาพมากน้อยแค่ไหน เพราะว่าถ้าเป็นคีย์เวิร์ดที่ดีแสดงว่าจะมีคนเห็นโฆษณาของเราเยอะ แต่ถ้าคนเห็นโฆษณาน้อยก็แสดงว่าคียเวิร์ดที่ใช้อาจยังไม่ได้ผล หรือคู่แข่งเยอะเกินไป
- CTR สามารถบอกได้ว่าโฆษณาของเรามีความน่าสนใจมากน้อยแค่ไหน เพราะว่าถ้ามีจำนวนคนเห็นโฆษณาเยอะแล้วมีคนคลิกโฆษณาเยอะด้วยหรือป่าวเพราะว่าถึงแม้มีคนเห็นโฆษณาเยอะแล้วแต่ไม่มีคนคลิกก็จะไม่เกิดค่า CTR นั่นเองดังนั้น ถ้า CTR มีค่าสูงแสดงว่าโฆษณาเราน่าสนใจ ถ้า CTR ต่ำแสดงว่าโฆษณาอาจยังไม่น่าสนใจหรืออาจจะยังไม่ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย
ถึงแม้ว่าค่า CTR จะไม่ใช่ทั้งหมดของการทำโฆษณา แต่สำหรับนักธุรกิจเจ้าของกิจการหรือคนทำโฆษณาออนไลน์ ค่า CTR ก็สามารถบอกได้ถึงโอกาสการขายของเราได้ เปรียบกับเป็นด่านแรกที่จะทำให้คนรู้จักหรือเปิดโอกาสให้คนได้เข้ามาดูสินค้า ผลิตภัณฑ์ การเยี่ยมชมเวบไซต์ของเรา เพราะถ้าค่า CTR สูงๆก็เท่ากับว่าเราจะมีโอกาสที่จะปิดการขายสินค้านั้นได้มากเช่นเดียวกัน
