เรามาดูกันว่า EPA คืออะไร และ มีประโยชน์ อย่างไร
EPA มาจากคำว่า Eicosapentaenoic acid (อีโคซะเพนตะอีโนอิก แอซิด) เป็นกรดไขมัน (fatty acid) ชนิดกลุ่มกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัว (unsaturated fatty acid) ที่รู้จักกันดีคือ น้ำมันปลา น้ำมันปลาประกอบด้วยกรดไขมันโอเมก้า-6 และ กรดไขมันโอเมก้า-3 ซึ่งกรดไขมันโอเมก้า-3 นั้นจะแบ่งออกเป็น EPA และ DHA เป็นกรดไขมันที่มีความจำเป็นต่อร่างกายอย่างมาก

ประโยชน์ทางโภชนาการของ EPA(Eicosapentaenoic Acid)
-EPA ช่วยในการลดระดับคอเลสเตอรอล (cholesterol) และไตรกลีเซอไรด์ (triglyceride) ในเลือด
-EPA ช่วยเพิ่มระดับ HDLในเลือด ทำให้ลดภาวะหลอดเลือดอุดตัน ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคต่างๆ เช่น ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ
-EPA เป็นสารตั้งต้นในการสร้างพรอสตาแกลนดินอี 3 ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยลดอาการอักเสบต่าง ๆ โดยเฉพาะโรคปวดข้อรูมาตอยด์
-EPA ช่วยลดความหนืดของกระแสเลือด ยับยั้งการเกาะตัวของเกล็ดเลือด ช่วยให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงหัวใจได้สะดวกมากขึ้น
-EPA เสริมประสิทธิภาพด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ
แหล่งที่พบของ EPA(Eicosapentaenoic Acid)
– น้ำมันวอลนัท (walnut oil)
– น้ำมันปลา (fish oil)
– น้ำมันคาโนล่า (canola oil)
– น้ำมันถั่วเหลือง (soybean oil)
– ปลาทะเล อย่างเช่น ปลาซาร์ดีน ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาซาบะ ปลาเฮอร์ริ่ง ปลาแมคเคอเรล ปลาแอนโชวี่ ปลาไวท์ฟิช ปลาบลูฟิช ปลาชอคฟิช ปลานิลทะเล ปลาดุกทะเล หอยกาบ หอยนางรม หอยพัด กุ้ง ปลาหมึก
