1. มีทักษะทางเทคโนโลยีและดิจิตอลสูง
เด็กยุคนี้เติบโตมาพร้อมกับการที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในวิถีชีวิตประจำวันและการทำงานในทุกภาคส่วนเป็นอย่างมาก เขาสามารถที่จะเรียนรู้ได้ไว ใช้งานเทคโนโลยีต่างๆ ได้คล่อง สามารถสร้างประสิทธิภาพในการทำงานได้ดี เรียนรู้เทคโนโลยีในเชิงลึกได้ง่าย และสามารถนำมาประยุกต์ให้เกิดประโยชน์กับการทำงานต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย
2.รักอิสระ
ตั้งแต่ Gen Y เป็นต้นมา เริ่มเป็นเจนเนอร์เรชั่นที่รักอิสระ อยากทำอะไรที่มีความสุขต่อชีวิต ทำงานที่ชอบ แต่ Gen Alpha จะยิ่งรักอิสระที่สุด ไม่ชอบการผูกมัด มีอิสระที่จะทำงานและใช้ชีวิต เลือกในสิ่งที่ตนเองชอบทำและสบายใจที่จะทำ รวมถึงอิสระในสถานที่ทำงานที่สามารถทำได้ที่ไหนก็ได้ในโลก
3.ยอมรับและเรียนรู้ความแตกต่างได้ดี
เด็กยุคนี้เติบโตมากับโลกไร้พรมแดน เรียนรู้และเข้าใจวัฒนธรรมของคนทั่วโลกได้ง่าย อีกอย่างเป็นยุคที่ทั่วโลกต่างก็มีวัฒนธรรมหลายอย่างร่วมกันเป็นหนึ่งเดียว จึงเกิดความเข้าใจในองค์รวมในทิศทางเดียวกัน สื่อสารกันได้ง่ายขึ้น ทำงานร่วมกันโดยไม่มีการแบ่งแยก
4.มีองค์ความรู้ที่หลากหลาย
เด็กยุคนี้เกิดมาในโลกที่เต็มไปด้วยองค์ความรู้และข้อมูลมากมายแบบไร้ขอบเขต และเติบโตมาในยุคที่ส่งเสริมให้มีองค์ความรู้หลากหลายรูปแบบ เขาจะเป็นคนที่ผสมผสานองค์ความรู้ต่างๆ ได้ดี หรือมีทักษะที่ชำนาญมากกว่าหนึ่งอย่าง
5. ท้าทายในการได้ทำงานอะไรใหม่ๆ
เด็กยุคนี้จะเบื่อที่ทำอะไรซ้ำซากจำเจแบบเดิมๆ แต่จะกระตือรือร้นในการที่ได้ทำอะไรท้าทายใหม่ๆ อยู่เสมอ การสร้างสรรค์ใหม่ๆ หรือแม้กระทั่งโปรเจกต์ใหม่ๆ
6. ขาดความอดทน
เด็ก Gen Alpha และ Gen Z เป็นต้นมามักจะขาดความอดทน เพราะเขาเจออะไรที่ว่องไว เปลี่ยนแนปลงตลอดเวลา เวลาเจออะไรช้าๆ หรือต้องตั้งใจจดจ่อทำอะไรนานๆ มักจะขาดความอดทน ดังนั้นจะทำงานที่ต้องใช้เวลาได้ไม่ค่อยดี หรืองานที่ต้องรอผลสำเร็จนานๆ จะทำได้ไม่ดี หรือไม่มีความอดทนเลย
7.ขาดมนุษยสัมพันธ์
เด็ก Gen Alpha มักจะอยากขลุกอยู่กับเทคโนโลยี ขลุกอยู่กับตัวเอง ขาดการปฎิสัมพันธ์กับผู้อื่น ทำให้ปรับตัวเข้ากับผู้อื่นได้ยาก ขาดมนุษยสัมพันธ์ในองค์กรและสังคม มักจะอยู่กับตัวเองเสียเป็นส่วนใหญ่ ทำให้การทำงานร่วมกันกับผู้อื่นอาจเกิดปัญหาขึ้นได้
8.ขาดสมาธิในการทำงาน
เด็ก Gen Alpha จะค่อนข้างสมาธิสั้น เพราะมีสิ่งน่าสนใจหลากหลายอย่าง อยู่กับสิ่งๆ เดียวนานๆ ไม่ได้ ไม่มีความตั้งใจในการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างจริงจัง