Samsung Galaxy Gear นาฬิกาอัจฉริยะจากซัมซุง

ถูกแย่งซีนไปเต็มๆกับงานเปิดตัว Samsung Galaxy Note 3 ที่ผ่านมาโดยผู้แย่งซีนครั้งนี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากน้องใหม่ล่าสุดของซัมซุงเองนั่นก็คือ Samsung Galaxy Gear ซึ่งถือได้ว่าเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดจากซัมซุง หลายคนคงอดสงสัยไม่ได้ว่าเจ้านาฬิกาอัจฉริยะอย่าง Samsung Galaxy Gear นี้เอาไว้ทำอะไร และถ้าซื้อมาแล้วจะใช้ประโยชน์อย่างไรให้คุ้มค่า วันนี้ iNeedtoKnow มีคำตอบมาให้ค่ะ

แต่แม้ว่า Samsung Galaxy Gear จะมีระบบการทำงานในตัวของมันเอง แต่หากต้องการประโยชน์สูงสุดก็คงหนีไม่พ้นที่จะต้องใช้งานร่วมกับ Samsung Galaxy Note 3 หรือ Samsung Galaxy รุ่นที่รองรับการใช้งาน ตอนนี้รุ่นอื่นๆที่รองรับอยู่ก็น่าจะเป็น Samsung Galaxy S4 เพราะจะสามารถใช้งานฟีเจอร์ต่างๆเพิ่มเติมได้ งั้นตอนนี้เรามาดูสเปคของ Samsung Galaxy Gear กันก่อนเลยค่ะ

รีวิว Samsung Galaxy Gear

รูปร่างภายนอกหากจะบอกว่าเหมือนนาฬิกาทั่วไปก็แลดูสาวกซัมซุงเองจะแอบเคืองเล็กน้อย วัสดุที่ใช้ทำตัวเครื่องก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีเลยทีเดียวค่ะโดยซัมซุงเลือกใช้ Stainless steel ใส่แล้วอาจจะรู้สึกหนักนิดหน่อย อารมอาจจะเหมือกับการใส่นาฬิกาข้อมือสายเป็นเหล็ก มีด้วยกัน 6 สีให้เลือก ได้แก่ Jet Black, Mocha Gray, Wild Orange, Oatmeal Beige, Rose Gold และ Lime Green พูดได้ว่าตอบสนองกับทุกเพศทุกวัยได้เลยทีเดียวตัวเครื่องก็ไม่มีอะไรมาก จะมีก็เพียงแค่ปุ่มเปิด-ปิดหน้าจอ ตัวสายเป็นพลาสติก แต่ก็มีส่วนที่เป้นโลหะอยู่บ้าง และมีจุดหนึ่งที่มองดูคล้ายกับไมโครโฟน เพื่อใช้ในการโทรศัพท์ หลายคนอาจจะงงว่า หน้าจอมีเพียงไม่กี่ปุ่มเองจะใช้ยากหรือเปล่า ไม่มีปัญหาเลยค่ะ เพราะหน้าจอของ Samsung Galaxy Gear เป็นระบบสัมผัสทั้งนั้น

สำหรับ Samsung Galaxy Gear เคยมีข่าวลือออกมาว่าสเปค CPU จะออกมาเป็น Dual-core แต่พอออกมาจริงๆเป็นเพียงแค่ Single-core 800 MHz เท่านั้นเอง อาจเป็นเพราะด้วยความที่เป็น Smart Watch อาจไม่จำเป็นต้องใช้ CPU ขั้นเทพขนาด Dual-core ก็ได้ สำหรับฟีเจอร์ร้อนแรงที่มาพร้อมกับ Samsung Galaxy Gear นี้ที่น่าสนใจเห็นจะมี Dust & Water resistant ระดับ IP55 เชียวนะ IP55 กันอะไรได้บ้างเรามาดูกัน อย่างแรกเลยก็ต้องเป็นกันฝุ่น แต่!!! สามารถกันได้ถึงขนาด 100% นะคะยังมีโอกาสที่ฝุ่นจะเข้าบ้าง รวมไปถึงการกันน้ำ ก็กันได้เพียงระดับหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถใส่ลงสระน้ำหรือเอาไปจุ่มน้ำก็กันไม่ได้เหมือนกันค่ะ เรื่องของแบตเตอรี่ Samsung Galaxy Gear ทางซัมซุงเองก็นำเสนอนักหนาว่า Samsung Galaxy Gear สามารถใช้งานต่อเนื่องได้ถึง 25 ชั่วโมง หรือมากกว่า ด้วยการชาร์ตเพียงครั้งเดียว ซึ่งแอดมินเองก็เห็นด้วยกับข้อนี้ เพราะหากเราต้องชาร์ตแบตเตอรี่นาฬิกาทุกวันคงเพลียกันแน่ๆ

ในฐานะ Smart watch นั้น Samsung Galaxy Gear ก็ไม่ได้บกพร่องในการทำหน้าที่ Smart Watch เช่นการเปลี่ยนหน้าตานาฬิกาบอกเวลา ซึ่งมีให้เลือกถึง 10 แบบ พร้อมทั้งสามารถดาวน์โหลดแบบอื่นๆเพิ่มได้อีก รองรับการติดตั้งแอพพลิเคชั่น เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการใช้งาน ถึงแม้หน้าจอจะมีขนาดเล็ก แต่เนื่องจากรองรับระบบสัมผัส และรองกับ Multitouch ดังนั้นเมื่อต้องการซูมก็สามารถทำได้ ในส่วนของกล้องดิจิตอล Samsung Galaxy Gear ก็มาพร้อมกับความละเอียดถึง 19 ล้านพิกเซล ใช้ถ่ายภาพนิ่ง และถ่ายวีดีโอความละเอียดถึง 720p ได้ แต่ก้มีข้องจำกัดบางประการนั่นก็คือไม่ว่าจะถ่ายวีดีโอที่ความละเอียดเท่าใดก็ตามก็สามารถถ่ายวีดีโอได้ความยาวไม่เกิน 10 วินาทีเท่านั้นค่ะ

ราคา Samsung Galaxy Gear

ซัมซุงวางจำหน่ายกาแล็กซีเกียร์ที่ราคา 300 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 9,600 บาท

อยากใช้งาน  Samsung Galaxy Gear ให้คุ้มค่าทำไงดี

อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วตั้งแต่ตอนต้นนะคะ ว่าหากต้องการใช้ Samsung Galaxy Gear ให้คุ้มค่า ต้องใ้ชงานคู่กับพวก Samsung Galaxy เพราะมันจะเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth แล้วจะมีการแจ้งเตือนหากมีพวก email หรือข้อความ แม้กระทั่งมีคนโทรมา ถึงแม้จะมีหน้าจอแค่ขนาด 1.63 นิ้ว Samsung Galaxy Gear เองก็สามารถแสดงข้อมูลต่างๆให้รับรู้ได้อย่างรวดเร็ว แต่หากต้องการดูรายละเอียดที่มากกว่านี้ก็คงต้องพึ่งพาเจ้า Samsung Galaxy ต่างๆอยู่ดี แล้ะด้วยคุณสมบัติ Smart Relay เมื่อเราเปิดหน้าจอสมาร์ทโฟนขึ้นมา มันก็จะเปิดเนื้อหาที่เราได้เปิดดูกับ Samsung Galaxy Gear ไว้ให้เลย สะดวกมั้ยล่ะ และจากที่กล่าวมาข้างต้น Samsung Galaxy Gear มีส่วนที่สามารถใช้ในการคุยโทรศัพท์ได้ด้วย และเป็นแบบ Hands-free call ด้วย คือสั่งงานด้วยเสียงเพื่อให้โทรศัพท์ไปหาเบอร์ใน Contact ได้ด้วย ซึ่งนั่นก็หมายความว่า Samsung Galaxy Gear นี้ รองรับ S Voice ด้วยนั่นเอง นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ที่น่าสนใจอีก 1 ฟีเจอร์ นั่นก็คือ Auto Lock เพื่อให้ทำการล็อคเครื่องสมาร์ทโฟนของเราโดยอัตโนมัติ เมื่อ Samsung Galaxy Gear อยู่ห่วงจากสมาร์ทโฟนมากกว่า 1.5 เมตรขึ้นไป และเมื่อกลับมาอยู่ใกล้ๆเหมือนเดิมก็จะปลดล็อคให้อัตโนมัติเช่นกันค่ะ ส่วนใครที่เป็นคนรักษาสุขภาพก็ยิ่งอยากจะแนะนำให้ซื้อ Samsung Galaxy Gear มาใช้อย่างเร็วเลยล่ะค่ะ เพราะมีฟีเจอร์ Pedometer ที่จะเข้ามาช่วยในการตรวจจับความเคลื่อนไหวของผู้ใช้เพื่อบันทึกข้อมูลกิจกรรมการออกกำลังกายได้อีกด้วยล่ะค่ะ