รีวิว OPPO Mirror 5 หรูหรา ล้ำค่ากับสมาร์ทโฟนฝาหลังเหลี่ยมเพชร

0
2991

Beautiful Diamond Mirror Design หรูหราล้ำค่ากับสมาร์ทโฟนฝาหลังเหลี่ยมเพชร

001_2 Colors1

OPPO Mirror 5 สมาร์ทโฟนสเปกแรงคุ้มค่าในราคาเพียง 7,990 บาท เหมาะสำหรับคนที่ชอบความโดดเด่น และแตกต่างในงานดีไซน์ด้วยฝาหลังลายเหลี่ยมเพชรที่เงาวาวสดใสเมื่อได้สัมผัสกับแสงในมุมต่างๆ คล้ายกับเหลี่ยมเพชรที่แวววาวเมื่อต้องแสง

002_DSC_27391

003_DSC_2744

004_DSC_2739

นอกจากจะสวยงามด้วยลายเหลี่ยมเพชรแล้ว ชิ้นฝาหลังของ OPPO Mirror 5 ยังผลิตจากไฟเบอร์กลาสเกรดเดียวกับที่ใช้ผลิตอุปกรณ์ทางการทหาร ทำให้มีความยืดหยุ่นและแข็งแรงและทนทาน

005_DSC_2734

ด้วยขนาดหน้าจอ 5.0 นิ้วและมิติตัวเครื่องที่เพรียวบาง ทำให้สมาร์ทโฟนเครื่องนี้มีขนาดที่ไม่เล็กและก็ไม่ใหญ่เกินไปสำหรับการหยิบจับใช้งานด้วยมือเพียงข้างเดียว และจุดที่ชอบมากๆ ในงานดีไซน์ของสมาร์ทโฟนเครื่องนี้คือขอบข้างตัวเครื่องสีเงินเงาวาว ที่นอกจากจะสวยงามแล้ว ยังทำให้ตัวเครื่องดูเพรียวบางอีกด้วย

006_DSC_2668

OPPO Mirror5 สมาร์ทโฟนราคาต่ำหมื่นที่น่าจับตามองมากที่สุดในช่วงเวลานี้ ด้วยเหตุผลหลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นความสามารถในการเชื่อมต่อกับระบบ 3G/4G (รองรับสองซิมการ์ด สลับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านซิม 1 หรือ 2 ได้อย่างอิสระ) และมีฟังก์ชั่นรีโมทคอนโทรลที่ทำให้สั่งงานอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชิ้นในบ้านได้ง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัส และสดใหม่ด้วยระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นปรับปรุงล่าสุด ColorOS 2.1 ที่อยู่บนพื้นฐานของแอนดรอยด์ Lollipop 5.1 ทำให้รองรับการใช้งานในอนาคตได้เป็นอย่างดี

เล่นแอพเล่นเกมส์ลื่นไหลสบายๆ ด้วยสเปกที่แรงใช้ได้ จากขุมพลังการประมวลผลของชิป Snapdragon 410 Quad-core 1.2GHz 64 บิต หน่วยความจำ RAM 2GB หน่วยความจำภายในตัวเครื่องขนาดใหญ่ถึง 16GB ขยายเพิ่มได้อีก 128GB ด้วย microSD การ์ด หน้าจอ 5.0 นิ้ว แบบ IPS ให้การแสดงผลที่คมชัดสวยงาม มิติตัวเครื่องที่ดูเพรียวบาง โดดเด่นกับฝาหลังลายเหลี่ยมเพชรอันเป็นเอกลักษณ์ของ OPPO Mirror 5 ทำให้สมาร์ทโฟนเครื่องนี้น่าสนใจมากสำหรับคนที่มองหาสมาร์ทโฟนราคาต่ำหมื่นที่สเปกแรง ดีไซน์สวย

007_DSC_2701

Specification: OPPO Mirror 5

ขนาดหน้าจอ 5.0” IPS
ความละเอียดหน้าจอ qHD 960×540 จุด
ระบบปฏิบัติการ ColorOS 2.1 (บนพื้นฐานของ Android 5.1 Lollipop)
CPU Qualcomm Snapdragon 410 – Quad Core 1.2GHz 64-bit
RAM / หน่วยความจำภายใน 2GB / 16GB (ขยายเพิ่มด้วยการ์ด microSD ได้อีก 128MB)
กล้อง * กล้องหลัง 8 ล้านพิกเซลพร้อมไฟแฟลช (ถ่ายความละเอียดสูงเทียบเท่า 24 ล้านพิกเซลในโหมด Ultra HD , โหมดการถ่าย รับแสงสองครั้ง, เลนส์แบบเร็ว และ Reverse GIF)* กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล (ปรับหน้าเนียนฟรุ๊งฟริ้ง 3 ระดับ ปรับโทนสีภาพเซลฟี่ได้ 11 รูปแบบ)
ระบบ 2 ซิม รองรับ (ซิม 1 ขนาดไมโคร, ซิม 2 ขนาดนาโน)
เครือข่าย 3G 850 / 900 / 1900 / 2100MHz (รองรับ 3G ทุกเครือข่าย)
เครือข่าย 4G FDD-LTE : B1/3/5/7/8/20 (รองรับ 4G ของทั้ง DTAC และ TrueMove H)TDD-LTE: B40
Battery 2,420mAh
สีให้เลือกซื้อ ตัวเครื่องขาว, ตัวเครื่องน้ำเงิน
ราคา ต่ำกว่าหมื่นบาท

 

จุดเด่นของ OPPO Mirror 5

  • ฝาหลังเหลี่ยมเพชรดีไซน์สวย
  • รองรับ 4G สองซิมการ์ด
  • ถ่ายภาพและถ่ายเซลฟี่สวยด้วยกล้องหลัง 8 ล้าน กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล
  • โหมดการถ่ายภาพที่แปลกใหม่สร้างสรรค์ อย่างเช่น การรับแสงสองครั้ง, เลนส์แบบเร็ว และ Reverse GIF
  • ฟังก์ชั่นรีโมท อำนวยความสะดวกในการควบคุมอุปกรณ์ไฟฟ้า
  • ใช้งานง่ายด้วยระบบปฏิบัติการ ColorOS 2.1 (บนพื้นฐานแอนดรอยด์ Lollipop 5.1)
  • สเปกดี ประสิทธิภาพคุ้มราคา

กล้องสวยฟีเจอร์เพียบ

ด้วย ColorOS 2.1 ที่เป็นระบบปฏิบัติการตัวใหม่ล่าสุดของ OPPO และระบบประมวลผลภาพ Pure Image 2.0+ ทำให้ Mirror 5 มาพร้อมกับหลายๆ โหมดการถ่ายภาพที่แปลกใหม่ แต่ก่อนที่จะไปดูภาพจากโหมดการถ่ายที่แปลกใหม่สร้างสร้างสรรค์ เรามาดูภาพถ่ายสวยๆ ในโหมดปกติจากกล้องหลัง 8 ล้านพิกเซลกันก่อนครับ

ภาพชุดต่อไป เป็นการเปรียบเทียบภาพระหว่างโหมดการถ่ายปกติ (ภาพบน) กับโหมดการถ่ายแบบ HDR (ภาพล่าง) จะเห็นว่าภาพถ่ายแบบ HDR สว่างและเก็บรายละเอียดในส่วนเงามืดของภาพได้ดีกว่า

016_HDR_off_IMG20150708164305

017_HDR_on_IMG20150708164314

OPPO Mirror 5 มาพร้อมโหมดการถ่ายภาพแบบ Ultra HD ที่ทำให้กล้องหลัง 8 ล้านพิกเซลสามารถถ่ายภาพได้ที่ความละเอียดสูงเทียบเท่า 24 ล้านพิกเซล เก็บรายละเอียดต่างๆ ในภาพได้เป็นอย่างดี

018_UltraHD_IMG20150708164743_edit

การเก็บแสงไฟสวยๆ ยามค่ำคืน OPPO Mirror 5 ก็ทำผลงานออกมาได้ดีด้วยโหมดการถ่ายแบบ “กลางคืนมีสีสัน” เรามาดูภาพถ่ายสวยๆ ยามค่ำคืนจากสมาร์ทโฟนเครื่องนี้กันครับ

โหมดการถ่ายแบบ รับแสงสองครั้ง (Double Exposure) เป็นโหมดการถ่ายที่แปลกใหม่สร้างสรรค์ ซึ่งเป็นการถ่าย 2 ภาพแล้วนำมาซ้อนรวมเป็นภาพเดียว ได้ภาพที่ดูสวยแปลกตา และความพิเศษของ OPPO Mirror 5 คือ ถ่ายรับแสงสองครั้ง ได้ทั้งกล้องหลังและกล้องหน้า ทำให้สร้างสรรค์ภาพเซลฟี่ที่สวยงามแปลกตาได้อย่างง่ายดาย

OPPO Mirror 5 เอาใจสาวกเซลฟี่ด้วยระบบ Beautify 3.0 ที่ใช้งานง่าย และมีฟิลเตอร์ แถมยังมีโทนสีภาพให้เลือกใช้งานได้มากกว่าเดิม เริ่มต้นการถ่ายเซลฟี่ด้วยการสลับมาใช้กล้องหน้า (แตะที่รูปกล้องตรงมุมขวาบนของหน้าจอ) จากนั้นเปิดโหมดการถ่ายฟรุ๊งฟริ้งด้วยการแตะที่ปุ่มรูปคน (ปุ่มกลางตรงขอบบนของหน้าจอ) เพื่อเลือกระดับความเนียนฟรุ๊งฟริ้ง (เลือกได้ 3 ระดับ) และที่พิเศษคือสามารถใช้โหมด ตัวกรองสีที่สวยงาม (Color filter) เพื่อปรับโทนสีของภาพเซลฟี่ให้สวยงามได้ตามต้องการถึง 11 รูปแบบ เรามาดูตัวอย่างภาพเซลฟี่สวยๆ ของ OPPO Mirror 5 กันครับ

โหมดการถ่ายแบบ ตัวกรองสีที่สวยงาม (Color filter) นอกจากจะใช้ถ่ายเซลฟี่ แล้วก็ยังใช้สำหรับการถ่ายภาพแนวทั่วๆ ไปให้ออกมามีโทนสีสวยๆ เหมือนภาพในอินสตาแกรมได้ด้วย (เลือกโทนสีได้ 11 รูปแบบ) ใครชอบภาพโทนสีสวยๆ ก็ถ่ายด้วยโหมด ตัวกรองสีที่สวยงาม ทีเดียวจบเลย ไม่ต้องเอาภาพมาแต่งอีกรอบให้เสียเวลา เรามาดูตัวอย่างภาพถ่ายในโหมดนี้กันครับ

OPPO Mirror 5 มีฟังก์ชั่น Post filter ที่สามารถเอาภาพถ่ายที่มีอยู่มาปรับแต่งโทนสี (เลือกโทนสีได้ 11 รูปแบบเหมือน Color filter) หรือจะใส่กรอบภาพสวยๆ ปรับภาพให้คมชัด ใส่โมเสก หมุนภาพ และตัดส่วนภาพ (Crop) ได้แบบง่ายๆ โดยที่ไม่ต้องลงแอพเสริมสำหรับการแต่งภาพให้ยุ่งยากเลยครับ

038_01_post filter

039_02_post filter

อีกหนึ่งโหมดการถ่ายภาพที่น่าสนใจมาก และเป็นฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่งมีเพิ่มเข้ามาใน OPPO Mirror 5 คือ โหมดการถ่าย เลนส์แบบเร็ว (Fast lens หรือที่นิยมเรียกว่า Time-lapse) เป็นการถ่ายคลิปวิดีโอที่สามารถเร่งเหตุการณ์ให้รวดเร็วขึ้น ทำให้ได้คลิปวิดีโอที่นำเสนอเรื่องราวที่แปลกใหม่น่าตื่นตา (เลือกได้ว่าจะเร่งความเร็ว 2, 4, 6, 8 หรือ 10 เท่า) ตัวอย่างเช่นการถ่ายวิวก้อนเมฆที่ลอยอ้อยอิ่งบนท้องฟ้า เมื่อถ่ายด้วยโหมด เลนส์แบบเร็ว เราก็จะได้เห็นก้อนเมฆลอยผ่านท้องฟ้าไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นภาพที่น่าตื่นตามากๆ ตัวอย่างการถ่าย Time-lapse แบบอื่นๆ ที่น่าสนใจ ก็อย่างเช่นการบานของดอกชบาในยามเช้า ซึ่งถ้าใช้การถ่ายวิดีโอตามปกติเราจะได้คลิปวิดีโอความยาวเกิน 1 ชั่วโมง และเป็นวิดีโอที่ดูน่าเบื่อ แต่ถ้าถ่ายด้วยโหมด เลนส์แบบเร็ว จากดอกชบาตูมๆ ก็จะบานเต็มที่ในเวลาเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น ทำให้กลายเป็นคลิปวิดีโอที่น่าจดจำ

ตัวอย่างคลิปวิดีโอที่ถ่ายด้วยโหมด เลนส์แบบเร็ว (Fast lens) ของ OPPO Mirror 5

การถ่ายด้วยโหมด เลนส์แบบเร็ว ในหลายๆ สถานการณ์ เราต้องตั้งตัวเครื่อง OPPO Mirror 5 เพื่อให้บันทึกภาพไว้เป็นเวลาต่อเนื่องหลายชั่วโมง และหน้าจอจะเปิดอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นเพื่อให้ได้คลิปวิดีโอที่สวยงามสมบูรณ์ ควรใช้ขาตั้งกล้องที่ออกแบบมาสำหรับสมาร์ทโฟน และเสียบอะแดปเตอร์ชาร์จแบตฯ (หรือเสียบ Power bank) เอาไว้ตลอดเวลา เพื่อป้องกันปัญหาแบตฯ หมดในขณะถ่ายครับ
อีกหนึ่งโหมดการถ่ายที่สามารถสร้างสรรค์ผลงานที่แปลกใหม่ คือ Reverse GIF (เข้าไปที่โหมดการถ่ายแบบ GIF แล้วเลือกที่ “ย้อนกลับ”) ซึ่งการถ่ายคลิปสตอปโมชั่นถอยหลังกลับในรูปแบบของไฟล์ GIF ทำให้ได้คลิปวิดีโอที่มีเรื่องราวแปลกใหม่น่าตื่นตา เช่น การขึ้นไปนั่งบนกำแพงแล้วถ่ายคลิปตอนที่กระโดดลงมา เมื่อถ่ายในรูปแบบ Reverse GIF ก็จะกลายเป็นเรากระโดดจากพื้นขึ้นไปนั่งบนกำแพง เอาคลิปนี้ให้เพื่อนดูรับรองว่าเท่แน่นอนครับ (ไม่ควรกระโดดลงจากกำแพงที่สูงมาก เพราะอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บได้ครับ)

ตัวอย่าง Reverse GIF ที่ถ่ายด้วย OPPO Mirror 5

จริงอยู่ที่ว่าการถ่ายเป็นไฟล์ภาพเคลื่อนไหวแบบ GIF ไม่สามารถแชร์ให้เพื่อนๆ ดูผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ก แต่ก็มีทางออกโดยการติดตั้งแอพที่ทำหน้าแปลงไฟล์ GIF ให้เป็นไฟล์วิดีโอ อย่างเช่นแอพ Convert GIF to Video & Share เมื่อแปลงเป็นไฟล์วิดีโอเรียบร้อยแล้ว ก็แชร์ขึ้นโซเชียลเน็ตเวิร์กได้สบายๆ ครับ

040_DSC_2663

ย่อรวมรีโมตทุกตัวมาอยู่ในมือคุณด้วย Intelligent Remote Control

ไลฟ์สไตล์ของผู้คนในยุคนี้มีสมาร์ทโฟนอยู่ใกล้ตัวตลอดเวลา โดยเฉพาะเวลาที่นั่งดูรายการโทรทัศน์อยู่ในห้องนั่งเล่นหรือห้องนอนก็มักจะอัพสเตตัส หรือแชทกับเพื่อนไปด้วยเพลินๆ ในขณะที่รีโมทของ LCD-TV หรือเครื่องเล่น DVD เรามักจะเอาไปวางรวมกันไว้ที่ชั้นวางทีวีเพราะกลัวหาย ทำให้เวลาจะใช้รีโมทแต่ละที ก็ต้องเดินหยิบเดินหากันให้วุ่นวาย OPPO เลยหาวิธีช่วยให้ชีวิตของเราง่ายขึ้น ด้วยการใส่ฟังก์ชั่นรีโมทลงใน Mirror 5 เวลาอยากจะเปลี่ยนช่อง หรือปรับอุณหภูมิแอร์ก็หยิบ Mirror 5 มาแตะๆ แค่นี้ก็ควบคุมทุกอย่างได้ดังใจ ไม่ต้องวุ่นวายกับการไล่ตามหารีโมท และเพื่อให้ง่ายกับการตั้งค่าการใช้งาน แอพรีโมทของ OPPO Mirror 5 มีการแบ่งอุปกรณ์ที่สามารถสั่งงานด้วยรีโมทออกเป็น 5 รูปแบบ ได้แก่

  • โทรทัศน์ (รองรับการสั่งงานกับจอ LCD-TV หลายแบรนด์ดังๆ ในไทยได้แก่ Funai, Haier, Lg Panasonic, Philips, Polytron , Samsung, Sanyo, Sharp, Sony, TCL, Toshiba และ Skyworth)
  • STB (Set Top Box กล่องรับสัญญาณทีวีดิจิตอล หรือสัญญาณดาวเทียม)
  • เครื่องปรับอากาศ (รองรับการสั่งงานกับเครื่องปรับอากาศหลายแบรนด์ดังๆ ในไทยได้แก่ Carrier, Central Air, Daikin, Hier, Lg, Panasonic, Midea, Mitsubishi Electric, Samsung, Sharp, Toshiba, Trane และ York)
  • DVD (รองรับการสั่งงานกับเครื่องเล่น DVD/Blu-ray หลายแบรนด์ดังๆ ในไทยได้แก่ Denon, Lg, Onkyo, OPPO, Panasonic, Philips, Pioneer, Samsung, Sony, Toshiba และ Xbox)
  • โปรเจ็กเตอร์ (รองรับการสั่งงานกับเครื่องโปรเจ็กเตอร์หลายแบรนด์ดังๆ ในไทยได้แก่ Acer, BenQ, Canon, Dell, Epson, Hitachi, Infocus, Mitsubishi Electric, Optoma, Panasonic, Samsung, Sanyo, Sony, Toshiba, Viewsonic และ Vivitek)

041_01_Rermote

ในขั้นตอนการตั้งค่าเพื่อเริ่มต้นการใช้งาน จะมีให้เลือกประเภทและแบรนด์ของอุปกรณ์ที่ต้องการควบคุม จากนั้นก็เป็นขั้นตอนทดสอบกดปุ่มสั่งงาน ถ้าทดสอบแล้วรีโมทของ OPPO Mirror 5 สามารถสั่งงานอุปกรณ์ของคุณได้ ก็เริ่มต้นการใช้งานได้เลยครับ เป็นขั้นตอนเซ็ตอัพที่ทำได้ง่ายภายในไม่กี่ขั้นตอน และเพื่อให้ง่ายต่อการเรียกใช้งาน ในแอพได้มีการแบ่งกลุ่มสำหรับรีโมทของแต่ละห้องในบ้าน (เช่นกลุ่มรีโมทของห้องนั่งเล่น, ห้องนอนใหญ่ และห้องทำงาน เป็นต้น) และยังสามารถเข้าถึงรีโมทได้อย่างรวดจากหน้าจอล็อก (Lock screen) โดยการเลื่อนหน้าจอไปทางด้านขวา

042_02_Rermote

จากการลองใช้งานแอพรีโมทของ OPPO Mirror 5 ต้องบอกว่าสะดวกมากๆ ใช้สั่งงานแทนรีโมทของโทรทัศน์ และเครื่องปรับอากาศได้จริง อย่างเช่นถ้าใช้งานกับโทรทัศน์ก็สามารถ กดเปิด/ปิดเครื่อง เปลี่ยนช่อง เร่ง/ลดสียง เลือกเปลี่ยนแหล่งสัญญาณภาพได้ หรือการใช้งานกับเครื่องปรับอากาศ ก็สามารถกดเปิด/ปิดเครื่อง เพิ่ม/ลดอุณหภูมิ ปรับความเร็วของพัดลม และปรับโหมดการทำงานของเครื่องปรับอากาศได้ ทำให้ชีวิตสะดวกขึ้นเยอะเลย

043_DSC_2676

ใช้งานง่ายขึ้นอีกกับระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นล่าสุด ColorOS 2.1

เอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่งที่ทำให้ OPPO แตกต่างจากสมาร์ทโฟนของแบรนด์อื่นคือ ระบบปฏิบัติการ ColorOS 2.1 ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นล่าสุดที่มีฟีเจอร์เจ๋งๆ และมีประโยชน์ให้เลือกใช้งานได้อย่างมากมาย โดยที่ไม่ต้องลงแอพเสริมให้หนักเครื่อง อาทิ การสั่งเปิดแอพหรือเปิดกล้องได้อย่างง่ายดายจากหน้าจอปิดล็อก แค่เพียงวาดเส้นบนหน้าจอ หรือการสั่งให้เคลียร์หน่วยความจำ RAM โดยอัตโนมัติตามระยะเวลาที่ตั้งไว้ เพื่อให้เครื่องทำงานได้เร็วขึ้น ก็ทำได้เลยโดยไม่ต้องมีแอพเสริม และด้วยระบบ ColorOS 2.1 ทำให้ Mirror 5 มีการพัฒนาขึ้นมาจาก Mirror 3 รุ่นก่อนหน้า (ที่เป็น ColorOS 2.0) อย่างชัดเจน โดยใน ColorOS 2.1 ได้มีการเพิ่มความเร็วการทำงานขึ้นในหลายๆ จุด ไม่ว่าจะเป็น ความเร็วในการเปิดเครื่อง ความเร็วในการเปิดแอพ และความเร็วในการเปิดกล้องเป็นต้น และที่โดนใจสุดๆ คือ เป็นระบบปฏิบัติการที่พัฒนาอยู่บนพื้นฐานของ Lollipop 5.1 ซึ่งเป็นแอนดรอยด์เวอร์ชั่นล่าสุด ทำให้ OPPO Mirror 5 รองรับการใช้งานในอนาคตได้ดี
ฟีเจอร์ใหม่ที่มีเพิ่มเข้ามาใหม่ใน ColorOS 2.1 ก็มีความน่าสนใจไม่น้อย เริ่มด้วยฟีเจอร์ “การจัดวางใหม่ทั้งกลุ่ม” ที่ทำให้การจัดกลุ่ม หรือย้ายกลุ่มของไอคอนไปวางไว้ในตำแหน่งหรือในหน้าจอต่างๆ ทำได้ง่ายมากๆ (ทำด้วยการแตะค้างที่ไอคอนที่ต้องการย้าย >>> แตะที่ปุ่ม “การจัดวางใหม่ทั้งกลุ่ม” ตรงขอบบนหน้าจอ >>> จากนั้นติ๊กเลือกเครื่องหมายถูกลงบนไอคอนทุกตัวที่จะย้าย >>> เลือกไอคอนครบแล้ว ก็แตะค้างที่ไอคอนตัวใดตัวหนึ่งที่เลือกไว้ แล้วลากกลุ่มของไอคอนไปวางไว้ในตำแหน่งใหม่ หรือลากไปวางในหน้าจอใหม่ได้ตามใจชอบ)

044_Screenshot_03

อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามาใหม่ใน ColorOS 2.1 และมีประโยชน์มากๆ คือ “การควบคุมการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต” ที่สามารถเลือกได้ว่าจะอนุญาตให้แอพตัวไหนบ้างที่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่าน 3G/4G เพื่อป้องกันไม่ให้แพ็กเกจอินเทอร์เน็ตรายเดือนหมดเร็วเกินความจำเป็น ตัวอย่างเช่นการบล็อกแอพที่ไม่เกี่ยวกับอินเทอร์เน็ตและโซเชียลเน็ตเวิร์ก ไม่ให้ใช้สัญญาณ 3G/4G ในการอัพเดตข้อมูล (การเลือกบล็อกแอพไม่ให้ใช้งานข้อมูล 3G/4G ให้ไปที่ “การตั้งค่า” >>> ในส่วนของระบบไร้สายและเครือข่าย แตะที่ “เพิ่มเติม” >>> “ข้อมูลการใช้งาน” >>> “การควบคุมการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต” >>> จากนั้นไล่หาแอพที่ต้องการบล็อก แล้วเอาเครื่องหมายถูกออกจากตรงส่วน “รับส่งข้อมูล”)

045_Screenshot_01

ด้วยระบบ ColorOS 2.1 ทำให้ OPPO Mirror 5 ใช้งานได้ง่ายขึ้นด้วยฟีเจอร์ Hand Gesture ที่ทำให้สั่งงานตัวเครื่องได้อย่างสะดวกง่ายดายด้วยการวาดภาพบนหน้าจอ อย่างเช่นการวาดวงกลมเพื่อเปิดกล้องได้อย่างรวดเร็วในขณะที่หน้าจอปิดอยู่ หรือเปิด Facebook ได้แบบเร็วสุดๆ แค่วาดเส้นตรงบนหน้าจอ ไม่ต้องเสียเวลาเปิดหน้าจอไล่หาแอพ การแคปเจอร์หน้าจอก็ทำได้อย่างง่ายๆ แค่เพียงแตะ 3 นิ้วบนหน้าจอแล้วลากลง การเพิ่มลดเสียงก็ทำได้ง่ายๆ แค่เพียงแตะ 2 นิ้วบนหน้าจอแล้วลากขึ้นเพื่อเพิ่มเสียง หรือลากลงเพื่อลดเสียง (การเปิด/ปิดการทำงานของฟีเจอร์ Hand Gesture ให้ไปที่ “การตั้งค่า” >>> “การใช้ท่าทางและการเคลื่อนไหว” >>> แล้วเปิดการทำงานของฟังก์ชั่น “ท่าทางหน้าจอปิด” และ “ท่าทางเปิดหน้าจอ”)

และในส่วนของฟีเจอร์การโทรอัจฉริยะ ก็ทำให้การโทรออกและรับสายเป็นเรื่องง่ายขึ้น อย่างเช่นในขณะที่มีสายเรียกเข้า แค่ยกตัวเครื่องขึ้นแนบหูก็เป็นการรับสายอัตโนมัติ เริ่มต้นการคุยโทรศัพท์ได้เลย ไม่ต้องแตะปุ่มรับสายให้เสียเวลา หรือในขณะที่มีสายเรียกเข้า แค่คว่ำหน้าตัวเครื่องลงกับพื้นก็จะเป็นการปิดเสียงริงโทนโดยอัตโนมัติ หรือเมื่อเปิดดูรายชื่อในสมุดโทรศัพท์ แค่ยกตัวเครื่องขึ้นแนบหู ก็จะเป็นการโทรออกไปยังรายชื่อนั้นทันที (การเปิด/ปิดการทำงานของฟีเจอร์การโทรอัจฉริยะ ให้ไปที่ “การตั้งค่า” >>> “การใช้ท่าทางและการเคลื่อนไหว” >>> “การโทรอัจฉริยะ” ) ฟีเจอร์ทางด้านลูกเล่นความสวยงามก็มีธีม และวอลล์เปเปอร์สวยๆ เท่ๆ ให้เลือกเปลี่ยนได้เกิน 100 แบบ โดยไม่ต้องลงแอพเสริม

046_Screenshot_02

อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่เจ๋งมากของ ColorOS 2.1 คือการเปิดดูคลิปวิดีโอที่เก็บอยู่ในตัวเครื่องไปพร้อมๆ กับการใช้งานแอพอื่นๆ อย่างเช่นการเล่นเฟซบุ๊ก หรือแชทไลน์ไปด้วยได้แบบเพลินๆ ทำให้ความบันเทิงจากการรับชมคลิปวิดีโอไม่ถูกขัดจังหวะ (เข้าที่แอพ “วิดีโอ” และในระหว่างที่เปิดเล่นวิดีโอ แตะที่ปุ่มสี่เหลี่ยมมุมบนขวาหน้าจอ ก็จะมีหน้าต่างการเล่นคลิปเปิดแยกออกมา ทำให้เปิดดูแอพอื่นๆ ได้พร้อมกับคลิปวิดีโอ)
ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยของ ColorOS 2.1 ก็จัดมาให้แบบครบๆ ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันไม่ให้คนอื่นเข้าใช้งานแอพใดๆ ด้วยระบบรหัสผ่าน หรือการบล็อกเบอร์โทรศัพท์ได้อย่างง่ายๆ และยังมีฟังก์ชั่นล้างข้อมูลขยะเพื่อช่วยให้เครื่องทำงานได้เร็วขึ้น โดยสามารถตั้งให้ล้างข้อมูลได้อัตโนมัติตามเวลาที่กำหนดไว้ (เช่นล้างวันละครั้ง หรือล้างทุกๆ 8, 2 หรือ 1 ชั่วโมงเป็นต้น)

OPPO Mirror 5 แรงลื่นสบายหายห่วง

ความลื่นไหลในการใช้งานและการเล่นเกมเป็นสิ่งที่หลายๆ คนคาดหวังเมื่อเลือกซื้อสมาร์ทโฟนสักเครื่อง และ OPPO Mirror 5 ก็ไม่ทำให้เราผิดหวังด้วยประสิทธิภาพที่แรงคุ้มค่าในราคาต่ำหมื่น เลือกใช้ขุมพลังการประมวลผลจากชิป Snapdragon 410 สี่แกนสมอง ความเร็ว 1.2GHz 64 บิต ทำงานร่วมกับหน่วยความจำ RAM ที่มีขนาดใหญ่ถึง 2GB และจากการลองใช้งานจริงพบว่า OPPO Mirror 5 ทำงานร่วมกับแอพทุกตัวที่ใช้งานในชีวิตประจำวันได้ลื่นไหลดีมากๆ ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Line, Instagram, Chrome เบราว์เซอร์, YouTube และแอพเครื่องเล่นเพลง ใครที่ชอบสมาร์ทโฟนที่ทำงานได้เร็วๆ ในราคาไม่แพง OPPO Mirror 5 นับว่าเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม

047_benchmarkscore_01

การทดสอบประสิทธิภาพด้วยแอพ AnTuTu Benchmark ผลปรากฏว่า OPPO Mirror 5 ทำได้ 25,116 คะแนน และได้ 14,204 คะแนนจากการทดสอบด้วยแอพ Quadrant Standard Edition และการทดสอบประสิทธิภาพระบบสัมผัสของหน้าจอ ผลออกมาว่ารองรับการแตะสัมผัสได้สูงสุด 10 จุดพร้อมกัน และไม่มีอาการแตะไขว้ ทำให้ไม่เป็นปัญหากับการเล่นเกมบางเกมที่ต้องใช้มากกว่า 1 นิ้วแตะลงบนหน้าจอพร้อมกันเพื่อควบคุมเกมครับ

048_Screenshot_2015-07-09-14-39-31-13

049_Screenshot_2015-07-09-15-30-59-29
เมื่อสมาร์ทโฟนแรงๆ มาอยู่ในมือ เราก็ไม่พลาดที่จะทดสอบการเล่นเกมครับ จัดกันไปเกมแรก Modern Combat 5: Blackout เกมแนวยิงมุมมองบุคคลที่ 1 กราฟิก 3D สวยๆ เป็นเกมที่ต้องการเครื่องสเปกสูง ผลออกมาว่า OPPO Mirror 5 เล่นเกมนี้ผ่านได้แบบสบายๆ ไม่มีอาการเด้ง เล่นได้ลื่นไหลและแสดงกราฟิกในเกมได้สวยงาม จัดกันไปอีกเกมกับ Mortal Kombat X เกมต่อสู้กราฟิกหนักๆ ที่ต้องการเครื่องสเปกแรงๆ สมาร์ทโฟนเครื่องนี้ก็เล่นได้ลื่นๆ อีกแล้วครับ

050_Screenshot_2015-07-09-16-15-20-83051_Screenshot_2015-07-09-16-52-58-53
มาผ่อนคลายอารมณ์เล่นเกมเบาๆ กันบ้าง กับเกมเจ้าฉลามดุ Hungry Shark Evolution แน่นอนว่าเล่นได้อย่างลื่นไหล และสุดท้ายกับเกมน่ารักๆ เล่นง่ายๆ อย่าง Line Pop 2 เล่นผ่านได้แบบสบายหายห่วง สรุปว่า OPPO Mirror 5 ประสิทธิภาพดีพอสำหรับการใช้งานกับแอพในชีวิตประจำวัน และรองรับความต้องการของคนที่ชอบเล่นเกมบนสมาร์ทโฟนได้เป็นอย่างดี เกมหนักเกมเบา เอาอยู่หมด

ความบันเทิงจากการดูหนังฟังเพลง

ย้อนเวลากลับไปในยุคที่เครื่องเลน MP3 เฟื่องฟู เครื่องเล่น MP3 ของ OPPO ก็ได้รับการยอมรับในหมู่คนฟังเพลงอย่างกว้างขวางว่าเป็นเครื่องเล่น MP3 ที่คุณภาพเสียงดี เมื่อมาถึงยุคของสมาร์ทโฟน OPPO ได้นำความเชี่ยวชาญในการผลิตเครื่องเล่นเพลงมาใช้กับสมาร์ทโฟนด้วย และ OPPO Mirror 5 ก็มาพร้อมคุณภาพเสียงที่ดีสำหรับการเพลง เราทดสอบฟังเพลงผ่านสมาร์ทโฟนเครื่องนี้ด้วยชุดหูฟังคุณภาพดี พบว่าให้เสียงร้องที่ชัดเจน เสียงเบสทุ้มต่ำแน่นฟังเพลงแนวแด๊นซ์ได้สนุกสนาน เสียงสูงก็สดใสดี เนื้อเสียงมีความสมดุลรองรับการฟังเพลงได้หลากหลายแนวครับ

052_Screenshot_2015-07-14-15-26-44-21

ตอบสนองความบันเทิงจากการเปิดดูคลิปวิดีโอความละเอียดสูงระดับ Full HD ได้ดี แอพเล่นไฟล์วิดีโอที่ติดตั้งมาในตัวเครื่องสามารถเปิดเล่นวิดีโอ Full HD ได้อย่างลื่นไหลไม่อาการสะดุดขณะเล่น และหน้าจอแบบ IPS ก็ให้การแสดงคลิปที่สีสันอิ่มเข้มสดใสสวยงาม ดูหนังได้เพลินๆ ดีครับ

053_DSC_2690

บทสรุป OPPO Mirror 5

ถ้าคุณเป็นคนที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟน 4G สองซิม ดีไซน์สวยในขนาดเหมาะมือ ถ่ายภาพสวยทั้งกล้องหน้าและหลัง มีโหมดการถ่ายภาพแบบใหม่ๆ ที่ไม่มีในสมาร์ทโฟนรุ่นไหนๆ ใช้งานง่าย และทำให้ชีวิตสะดวกขึ้นด้วยระบบรีโมทคอนโทรล สเปกแรงคุ้มค่าในราคาเพียง 7,990 บาท เล่นแอพเล่นเกมได้สบายๆ OPPO Mirror 5 คือตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้ามเป็นอันขาด วางจำหน่ายพร้อมกันทั่วประเทศเร็วๆนี้ มีวางจำหน่ายสองสี Ivory white และ Midnight Blue จ้า

คลิกที่นี่เพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติมของ OPPO Mirror 5